เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยกับกล้อง Full frame น้องเล็กของค่าย Nikon นั้นก็คือ D600 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา มาดูกันครับว่าเจ้า D600 นี้จะถูกใจช่างภาพมืออาชีพและช่างภาพมือสมัครเล่นทั้งหลายได้มาน้อยแค่ไหน ที่ต้องการกล้องโดน ๆ คุณภาพแรง ๆ ตัวใหม่มาใช้งานกัน
คุณสมบัติ
สิ่งแรกเลยที่ทำให้ Nikon D600 แตะตาต้องใจหลายๆคนคงเป็นเรื่องของราคา ราคาตัวกล้องไม่รวมเลนส์เปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 72,500 บาท ซึ่งถ้าเป็นกล้อง Full frame แต่ก่อนที่มีแต่ราคาแสนขึ้นทั้งนั้น หรือหลายคนสามารถหิ้วเครื่องจากเมืองนอก ราคาอาจอยู่ที่ประมาณ 65,000 บาท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเทศและอัตตราแลกเปลี่ยนตอนนั้นน่ะครับ
เราสามารถซื้อชุดคิทพร้อมเลนส์ NIKKOR 24–85mm f/3.5-4.5G ED VR เป็นซูมอเนกประสงค์ที่มีขนาดกะทัดรัด ครอบคลุมการใช้งานทั่วๆ ไปได้เป็นอย่างดี จุดเด่นที่เลนส์มุมกว้าง 24 มม. พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวใหม่ Vibration Reduction technology (VR II)
Nikon D600 นั้นง่ายต่อการพกพา เพราะมีความกะทัดรัดที่สุดในบรรดากล้องดิจิตอล SLR แบบฟูลเฟรม ด้วยขนาด 141 (กว้าง) x 113 (สูง) x 82 (หนา) มม. และมีน้ำหนักเพียง 760 กรัม
D600 ใช้ระบบประมวลผล EXPEED 3 เหมือนกันกับกล้องดิจิตอล SLR ระดับสูงของนิคอน
นอกจากนี้ D600 ยังมีฟังก์ชั่นการทำงานล้ำสมัย เช่น ช่องมองภาพแบบ Optical ซึ่งครอบคลุมการมองเห็นได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแสดงผล LCD ขนาด 3.2 นิ้ว ความละเอียด 921,000 พิกเซล เพื่อการชมภาพที่ชัดเจนในมุมกว้าง และตัวกล้องยังได้มีการซีลยางกันฝุ่นและละอองน้ำเหมือนกับ D800 และ D800E อีกด้วย ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้น กล้องระบบ FX ตัวนี้ยังรองรับการทำงานกับเลนส์ชุด DX NIKKOR ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะถ่ายภาพนิ่งหรือภาพยนตร์ก็ตาม พูดง่ายๆคือใช่กับเลนส์ Nikon ได้ทุกตัว
กล้อง D600 ให้ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพความละเอียดสูงอยู่ที่ 24.3 ล้านพิกเซล เมื่อถ่ายวิดีโอแบบ Full-HD (1920 1080/30p) 30 เฟรมต่อวินาที ซึ่งกล้องรุ่นนี้ ยังเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่น Multi-area mode Full-HD D-Movie ให้อิสระในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ได้ทั้งในรูปแบบ FX และ DX ตัวกล้อง มีช่อง HDMI สำหรับสตรีมวิดีโอแบบไม่บีบอัดไฟล์ได้ รวมถึงต่อกับยูนิต Wi-Fi เพื่อควบคุมตัวกล้องผ่านอุปกรณ์ที่รัน Android หรือ iOS ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบ Time Lapse photography ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพวัตถุที่เคลื่อนที่ช้า เช่น ภาพก้อนเมฆกำลังเคลื่อนตัว ตามช่วงเวลาที่เรากำหนด จากนั้นกล้องจะสามารถรวมเอาภาพนิ่งมารวมกันเพื่อให้เกิดภาพเคลื่อนไหวโดยที่เราไม่ต้องไปทำในโปรแกรมอื่นๆในคอม
มีระบบโฟกัสอัตโนมัติ 39 จุด เป็นแบบกากบาท 9 จุด สามารถปรับ ISO ได้ 50-25600 ถ่ายภาพต่อเนื่อง 5.5 ภาพต่อวินาที
มีช่อง SD Cardมาให้ 2 ช่อง ส่วนตัวแล้วใช้แค่ช่องเดียวก็พอแล้ว แต่เหมาะสำหรับผู้ที่ถ่ายงานหนักๆ โดยเราสามารถบันทึกภาพลง 2 การ์ดพร้อมกันเพื่อ Backup ภาพ หรือต้องการแยก File บันทึกเช่น ช่อง 1 บันทึก jpeg อีกอันเป็น Raw หรือ ช่อง 1 บันทึกภาพ อีกช่องบันทึกวีดีโอ
ความคิดเห็น
หลายคนคงคิดไม่ต่างจากผมในตอนแรกคือ D600 นั้นพัฒนามาจาก D7000 เพราะฟังก์ชั่นต่างๆ รูปร่างคล้ายกันมาก จนคนเริ่มคิดว่าเอา D7000 มาอัพเกรด แต่ถ้าวัดกันจุดต่อจุดผมว่า D600 ชนะขาดอยู่แล้ว ผมจึงคิดว่าเหมือน Nikon เอารุ่นโปรเช่น D800 มาย่อส่วนดูจะเหมาะกว่า
มีการย้ายปุ่มกดหลายจุดเหมือนกันถ้าเทียบกับ D7000 แต่ที่ผมใช่ Nikon มานานพอสมควร สิ่งที่ทำให้ผมกดปุ่มผิดอยู่บ่อยๆ คือปุ่มซูมหรือลดขยายภาพที่สลับตำแหน่งต่างจาก Nikon รุ่นอื่นๆ ต้องใช่อยู่นานพอควรจึงเริ่มชินมือ
ข้อด้อยของ D600 ที่พบก็คือ เมื่อเราถ่ายในที่มืดหรือแสงน้อยการจับโฟกัสทำงานได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
จากรีวิวต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศว่ากันว่ามีฝุ่นเกิดขึ้นในตัวกล้อง ซ่ึงเกิดขึ้นเองโดยที่เรายังไม่ได้ถอดเลนส์ออกแต่อย่างใด ซึ่งอันนี้ผมเห็นด้วยครับว่ามีฝุ่นจริงๆ แต่อาจจะเพราะผมเดินทางเยอะแล้วเปลี่ยนเลนส์บ่อยก็มีส่วน แต่เอาเป็นว่า มีฝุ่นจริงๆ เยอะพอสมควร ลำพังแค่ใช่ Clean image sensor กับเป่าลมก็พอช่วยได้บ้าง แต่ทางที่ดีควรส่งศูณย์ให้ทำความสะอาดจะดีที่สุดครับ กล้องที่ออกมาในล็อตแรกๆจะเป็นเหมือนทุกรายครับ หลังจากที่ทำความสะอาดและถ่ายภาพไปสักระยะปัญหานี้ก็จะค่อยๆหมดไปเองครับ ซึ่งทาง Nikon เองก็ได้เห็นถึงปัญหานี้ ดังนั้นกล้องที่ผลิตมาในล็อตหลังๆจึงไม่น่าเจอปัญหานี้ครับ ใครที่ซื้อมาแล้วก็ไม่ต้องตกใจน่ะครับ ทางศูณย์บริการก็ให้บริการล้างฟรีสำหรับ D600 ยังไงลองสอบถามศูณย์บริการ Nikon ใกล้บ้านท่าน
โหมดถ่ายวีดีโอถือว่าทำได้ดีมาก สำหรับคนที่ยังลังเลในการเลือกซื้อกล้องหรือยังไม่พร้อมจะเสียเงินกับเลนส์ฟูลเฟรมแพงๆ D7100 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลืกที่น่าสนใจครับ ที่เหมือนเอา D600 มาย่อส่วนจิงๆ แต่จ่ายในราคาแค่ครึ่งเดียว
บทสรุป
แต่โดยรวมแล้วเป็นกล้องที่น่าสนใจมากๆสำหรับใครที่ต้องการเขยิบมาใช้กล้องแบบ Full frame ซึ่งเหมาะสำหรับมือใหม่อย่างผมและอีกหลายคน ด้วยราคาเบาๆ และคุณภาพแรง ๆ ได้โหมดถ่ายภาพมากกว่ากล้องรุ่นโปรเสียอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรศึกษาก่อนซื้อทุกครั้งน่ะครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ล่ะท่าน การเลือกกล้องที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราจะดีที่สุดครับ