ต้องบอกเลยว่ากระแสการปั่นจักรยานสมัยนี้แรงมากทีเดียวครับ ผมเชื่อว่าใครหลายๆคนคงอยากหันมาลองปั่นดูบ้าง แต่อาจไม่รู้ว่าจะไปเริ่มจากตรงไหน จะซื้อจักรยานแบบไหน ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดี ควรซื้ออุปกรณ์อะไรก่อน นี้คงเป็นคำถามยอดฮิตเลยก็ว่าได้ ต้องบอกก่อนนะครับว่าผู้เขียนไม่ได้เป็นกูรูขั้นเทพแฟนพันธ์แท้จักรยานขนาดนั้น แต่ชอบและหลงไหลการปั่นและส่วนตัวก็ปั่นอยู่แล้ว จึงขอมาเล่าสู่กันฟังล่ะกันครับ แต่ก่อนอื่นมาดูกันก่อนคับว่าจักรยานเสือหมอบ (Road Bike) มีกี่แบบกันบ้าง
วิธีเลือกซื้อจักรยานเสือหมอบสำหรับผู้เริ่มต้น
องค์ประกอบหลักในการเลือกซื้อก็จะมี ตัวเฟรม ล้อ และชุดเกียร์ แต่สำหรับบทความนี้ผมจะว่าด้วยเรื่องตัวเฟรมหรือตัวรถทั้งคันเป็นหลักเพราะส่วนใหญ่แล้วสำหรับคนทั่วไปที่เพิ่งเริ่มปั่น เราไม่ค่อยคิดจะซื้อจักรยานมาประกอบเองที่ล่ะชิ้น แต่จะซื้อแบบสำเหร็จทั้งคัน (Complete Bike) คือซื้อมาปั่นได้ทันทีเลย
ประเภทของจักรยานเสือหมอบ
All Around คือเสือหมอบที่ใช้งานทั่วไป นิยมใช้กันมาก เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นครับ เพราะขับขี่ง่ายสบาย ราคาเริ่มต้นไม่แพง
Racing & Performance คือจักรยาน ที่ออกแบบมาสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ จะเน้นประสิทธิภาพสูงสุดเป็นหลัก ไม่เน้นความสบาย องศาตัวจะก้มต่ำกว่ากลุ่มปกติ ตัวเฟรมมักใช่วัสดุน้ำหนักเบาเช่นคาร์บอนไฟเบอร์
Endurance คือจักรยาน ที่ดีไซน์ให้ใช้กับถนนที่ไม่เรียบ ขรุขระ สามารถซับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี ทำให้ขี่แล้วนุ่มนวลมากยิ่งขึ้นกว่าเสือหมอบทั่วไป แต่ข้อเสียคือพุ่งน้อยกว่าเสือหมอบประเภทอื่น
Aero คือจักรยานที่ได้รับการออกแบบมาให้เพรียวลมและแหวกอากาศได้ดี ตามชื่อครับคือ Aerodynamic เมาะกับการขับขี่ระยะทางเรียบไกลๆ จะได้เปรียบมาก แต่ก็สามารถขับขี่ได้ในชีวิตประจำวันได้ ข้อเสียคือจักรยานแบบนี้จะแข็งกระด้างพอสมควร
Triathlon & Time Trial คือจักรยานที่ออกแบบมาเฉพาะให้ใช้กับการแข่งขัน ไตรกีฬา และ จับเวลาแบบ Time Trial จริงๆมันมีข้อแตกต่างอยู่บ้าง แต่ผมขอจับให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันครับ เพราะมันแทบจะเหมือนกันเลย อยู่ที่การเซ็ตอัพตอนแข่งขันครับ จุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือแบบไตรกีฬาจะขับขี่สบายกว่า เพราะนักไตรกีฬานั้นจะต้องทั้งว่ายน้ำ ปั่นจักรยานแล้วต้องไปวิ่งต่ออีก ผู้ออกแบบจึงออกแบบให้นักกีฬาปั่นได้แบบออกแรงให้น้อยที่สุด แต่เอาเป็นว่ามันใช่สำหรับแข่งขันที่เฉพาะทางมากๆ ด้วยหน้าตาที่ดูอวกาศไม่ต้องสงสัยเลยครับว่า พุ่งไปได้เร็วแน่นอน
วัสดุที่ใช้ทำเฟรม
จะสังเกตได้ว่าสิ่งหลักๆที่ทำให้จักรยานเสือหมอบแต่ละประเภทแต่งกันนั้นดูได้จากเฟรมเป็นหลักเลย เรายังแบ่งชนิดของเฟรมออกไปอีกตามวัสดุที่ใช้กันหลักๆในตลาดการผลิตจักรยานดังนี้
เหล็ก (Steel) คุณสมบัติ แข็งแรงทนทาน ราคาถูก แต่มีน้ำหนักมาก และเป็นสนิม การบำรุงรักษายาก แข็งกระด้าง ส่วนมากจะใช้ในจักรยานแบบ touring หรือ พวก Vintage
โครโมลี่ (Chromoly) เฟรมชนิดนี้มีน้ำหนักเบาขึ้นกว่าเหล็กเล็กน้อย มีความทนทาน ดูดซับการสั่นสะเทือนได้ดี การบำรุงรักษาง่ายขึ้น แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยม
อลูมินั่ม (Aluminum) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกัน “เฟรมอลู” เฟรมชนิดนี้เป็นที่นิยนมโดยทั่วไป ด้วยความที่มีน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน และที่สำคัญราคาไม่แพง
ไทเทเนี่ยม (Titanium) มีข้อดีคือ เบากว่าอลูมินั่ม ซับแรงกระแทกได้ดี ทนทาน ไม่เป็นสนิม ข้อเสียอย่างเดียวคือมีราคาแพง เพราะเชื่อมยาก ผลิตยาก ส่วนใหญ่จักรยานเฟรมแบบนี้จะไม่ทำสี จะเคลือบแล๊คเกอร์ไว้เฉยๆ เพื่อโชว์สีของโลหะไทเทเนียม
คาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber) ได้รับความนิยมสำหรับจักรยานรุ่นท๊อปๆ เพราะมีคุณสมบัติที่ เบาที่สุดในบรรดาวัสดุที่ได้กว่าวมา นุ่ม ซับแรงได้ดี Stiff สามารถขึ้นรูปโดยที่ตัวแฟรมไม่มีข้อต่อ ข้อเสียคือมีราคาที่สูง เพราะกระบวนการในการผลิตที่ซับซ่อน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเส้นใยไฟเบอร์ของผู้ผลิตจักรยานแต่ล่ะยี่ห้อ ซึ่งคุณสมบัติก็แตกต่างกันออกไปตามชนิด และเทคนิคในการสานเส้นใยคาร์บอนของแต่ล่ะผู้ผลิตนั้นๆ อีกหนึ่งข้อเสียส่วนตัวที่ผมเห็น (ท่านอื่นอาจจะไม่คิดเหมือนผมก็ได้) คือถ้าได้รับการกระแทกอย่างหนัก (อย่างหนักจริงๆ) ตัวแฟรมจะแตกได้ จริงอยู่ที่คาร์บอนมีความแข็งแรงสูงมากว่าอลูมินั่มหลายเท่า แต่ไม่มีความเหนียวหรือยืดหยุ่น นั้นก็หมายความว่าถ้าจักรยานของคุณที่หักอาจไม่สามารถซ่อมให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ หรืออาจต้องเสียเงินซื้อคันใหม่ก็เป็นได้ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกูรูทั่วโลกก็ยังคงให้คาร์บอนเป็นวัสดุที่ดีที่สุดในการทำเฟรมจักรยานด้วยประการทั้งปวง
ขนาด (Size) ไซส์ของจักรยาน
สิ่งสำคัญที่หลายคนอาจจะลืมหรือมองข้ามไปคือ ขนาดหรือไซส์ของจักรยาน นั้นควรต้องเหมาะสมกับตัวคนปั่น หลายท่าน(รวมถึงผมเอง) เวลาที่ไปร้านจักรยาน คนขายมักถามว่าขี่ไซส์อะไร แล้วเราก็จะงงๆ ไปต่อไม่ถูก (คิดในใจ มันมีไซส์ด้วยเหรอว่ะ!?) ไซส์จักรยานมันก็เหมือนกับไซส์เสื้อหรือรองเท้าครับ ถามว่าถ้าเราไม่สนใจไซส์ใส่ได้มั้ย ปั่นได้มั้ย ตอบเลยว่าได้ แต่ยังไงมันคงไม่เมาะกับตัวเรา ทำให้ปั่นไม่สบายจนหมดสนุกไป เราสามารถวัดได้ด้วยตัวเองง่ายๆคือ วัดจากเป้ากางเกงของเราจนถึงพื้น
จากตารางให้ดูที่ช่องด้านซ้าย Inseam แล้วให้เทียบกับ ไซส์ในช่อง Road Bike ครับ
หรือถ้าจะคำนวนแบบคร่าวๆ ก็สามารถดูจากความสูงก็ได้ครับ ตามตารางเลย ผมแนะนำว่าไซส์จักรยานนนั้นไม่ควรเอาที่ใหญ่เกินตัวครับ ถ้าไม่มีไซส์ที่เราต้องการสามารถเลือกที่เล็กกว่าตัวเราดีกว่าครับ ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านสูง 175 cm ไซส์จักรยานที่เหมาะน่าจะเป็น 54 cm (ดูจากตารางแรก) ถ้าไม่มีไซส์ เราสามารถใช้ไซส์ 53 cm ได้ แม้ไม่มี 53 เราอาจเลือก 52 ก็ยังได้ แต่ผมไม่ค่อยแนะนำให้ไปเลือกไซส์ 55 หรือ 56 cm ทั้งนี้ทั้งนั้นจักรยานแต่ล่ะยี่ห้อก็อาจจะไม่เหมือนกัน เราควรไปลองนั่งก่อนซื้อจะดีที่สุดครับ
บทสรุป
เชื่อว่าหลังจากอ่านบทความนี้ทุกท่านคงได้ไอเดียในการเลือกจักรยานของเรา แต่ถ้ายังมีคำถามอยู่ว่า ยี่ห้อไหนดีล่ะ ผมต้องบอกเลยครับว่ามันไม่มีหรอกครับว่าคันไหนดีที่สุด มันก็เหมือนกันรถยนต์ครับ มีใครกล้าฟันธงว่ายี่ห้อไหนดีที่สุดในโลก ผมว่าคำถามที่ถูกต้องน่าจะเป็น เราชอบจักรยานแบบไหนมากกว่า ควรขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราเป็นหลัก แต่อย่างน้อยตอนนี้หลายคนคงรู้แล้วว่าแบบไหนเหมาะกับเราที่สุด ผมเชื่อว่ายี่ห้อจักรยานชั้นนำต่างก็ลงทุนลงแรง มันสมอง วิจัยค้นคว้าเป็นแรมปีกว่าจะมีจักรยานออกมาแต่ละรุ่น จึงเชื่อได้ว่าแต่ล่ะยี่ห้อมีดีไม่แพ้กัน แต่ถ้ายังนึกไม่ออกอีกว่าจะซื้อยี่ห้อไหน ผมแนะนำว่า เริ่มจากที่เราชอบก่อนเลยครับ เชื่อผมเถอะจักรยานได้ใช้มันจนคุณเบื่อหรือเลิกปั่นกันเลย จำไว้ว่ามันจะอยู่กับคุณไปอีกนาน ถ้าซื้อมาแบบจำใจสุดท้ายเราจะไม่ชอบมัน แล้วเราก็จะไม่ปั่นมัน โดยเริ่มต้นจากไปดูรูปตามเวปต่างๆ หรือลอง follow ig นักปั่น(สาวๆ)ต่างๆเพื่อสร้างแรงบันดานใจก็ดี ผมว่าช่วยได้เยอะครับ สุดท้ายขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของแต่ละคนล่ะคับ จักรยานที่เราชอบหรือที่สวยๆ ส่วนใหญ่อาจจะแพงกว่างบที่เราตั้งไปบ้าง (555 ชีวิตจริงเลยครับ) เราอาจเพิ่มทุนอีกนิดเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราชอบจริงๆ จำไว้มันจะอยู่กับเราไปอีกนาน ถ้ายังไม่เบื่อกันบอกเลยว่าจะแพงแค่ไหน ยังไงก็คุ้มค่าครับผม อย่างน้อยๆได้สุขภาพที่ดีขึ้นแน่นอน สรุปนะครับว่า
- การใช้งานเป็นหลัก (ทำไมเราจึงเห็นนักปั่นหลายคนมีจักรยานหลายคัน เพราะมันใช้งานต่างกัน)
- ยี่ห้อและรุ่นที่ชอบ (ไม่ต้องมีเหตุผล เอาที่ชอบจริงๆ)
- งบประมาณ
- ไซส์ของจักรยาน (บางรุ่นหรือยี่ห้อต่อให้ชอบให้ตายแต่ไม่มีไซส์ที่เราขี่ก็จบครับ)
ส่วนในบทความต่อไป ผมจะพูดถึงว่าควรซื้ออุปกรณ์อะไรก่อนในการเริ่มปั่น ยังไงติดตามตอนต่อไปนะครับ ขอให้สนุกกับกานปั่นและขับขี่ปลอดภัยนะครับ